Luangpor Paisal Visalo‘s Podcast (ธรรมะ จาก หลวงพ่อไพศาล วิสาโล)

40 Episodes
Subscribe

By: watpasukato

เสียงบรรยายธรรมของหลวงพ่อไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ

25680524pm--เปลี่ยนทุกข์เป็นธรรม
#1229
Last Saturday at 12:56 PM

24 พ.ค. 68 - เปลี่ยนทุกข์เป็นธรรม : ทุกประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรา แม้กระทั่งความทุกข์ มันก็ดีทั้งนั้น อยู่ที่ว่าเราจะรู้จักมอง หรือพูดแบบหลวงพ่อคำเขียนคือ รู้จักเปลี่ยน เปลี่ยนทุกข์ให้เป็นธรรม เปลี่ยนหลงให้เป็นรู้ เพราะที่จริงแล้วพิษของพืชบางชนิด ถ้าเอามาปรุงเอามาจัดการสักหน่อยก็เป็นยาได้

ความทุกข์ที่ทำให้คนบางคนคลั่งแค้น จะเป็นจะตาย หรือบางทีถึงกับฆ่าตัวตายนี่มันสามารถจะทำให้บางคนหรือผู้มีปัญญากลายเป็นอริยบุคคลได้ อย่างความรู้ที่เกิดจากนางกีสาโคตมีและนางปฏาจารา นั่นก็คือสิ่งเดียวกันกับที่ทำให้ทั้งสองท่านเป็นพระอริยบุคคล อันนี้เขาเรียกว่ารู้จักเปลี่ยนทุกข์ให้เป็นธรรม   ฉะนั้นเราซึ่งเป็นนักปฏิบัติก็ต้องรู้จักฉลาด ถึงแม้จะไม่เรียกเราเป็นนักปฏิบัติแต่ถ้าใฝ่ธรรมก็ต้องรู้จักเปลี่ยน เปลี่ยนทุกข์ให้เป็นธรรม เปลี่ยนปัญหาให้เป็นปัญญา เปลี่ยนหลงให้เป็นรู้ให้ได้ อย่างน้อยก็รู้จักมองว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นกับเราดีเสมอ แม้บางอย่างดูเหมือนจะเป็นพิษ แต่ก็ยังที่หมอชีวกพบว่า สิ่งที่เป็นพิษก็ทำเป็นยาได้เหมือนกัน 


25680523pm--เจอทุกข์อย่าได้ท้อ
#1228
Last Friday at 12:54 PM

23 พ.ค. 68 - เจอทุกข์อย่าได้ท้อ : เวลาเจออารมณ์ที่เป็นอกุศล หรือแม้กระทั่งอารมณ์ที่น่าพอใจก็ตาม อย่าปล่อยใจให้มันจมอยู่ในอารมณ์เหล่านั้น ต้องรู้จักถอนใจออกมา จนเห็นว่าอารมณ์พวกนี้ก็อันหนึ่ง ใจเราก็อันหนึ่ง หรือเห็นว่ามันไม่ใช่เรา ความดีใจก็ไม่ใช่เรา ความเสียใจก็ไม่ใช่เรา ความโกรธก็ไม่ใช่เรา ความทุกข์ความสิ้นหวังก็ไม่ใช่เรา มีอารมณ์พวกนี้เกิดขึ้นได้ แต่มันทำอะไรจิตใจไม่ได้ เพราะเห็นว่ามันไม่ใช่เรา หรือว่ารู้จักวางระยะ

เกิดระยะห่างระหว่างอารมณ์เหล่านี้กับจิตใจ เราก็รู้จักวางระยะกับคนที่ไม่แน่ใจว่าป่วยด้วยโรคโควิด หรือเป็นหวัดหรือเปล่า เราก็เรียกว่าโซเชียลดิสแทนชิ่ง social distancing แต่ว่ากับอารมณ์ที่มันเป็นอกุศลก็เหมือนกัน เราก็ต้องรู้จักวางระยะห่างจากมันบ้าง มันเกิดขึ้นก็อย่าให้มันครอบใจเรา ต้องรู้จักพาใจออกมาจากอารมณ์เหล่านั้น เห็นว่าอารมณ์ก็อันหนึ่ง ใจก็อันหนึ่ง หรือความทุกข์ก็อันหนึ่ง ใจก็อันหนึ่ง   ตรงนี้แหละที่จะทำให้รอดจากความทุกข์ แล้วก็ผ่านมันไปได้ เหมือนกับนั่งรถทัวร์ผ่านสถานที่ต่างๆ ทั้งซากไฟไหม้ ทั้งโรงขยะ อย่างที่หลวงพ่อคำเขียนว่า ให้รักษาใจเหมือนกับนั่งรถทัวร์ผ่านตลอด ไม่มีมีการแวะ ไม่มีการไปข้องติดกับอะไร ถ้าหากว่าเราทำอย่างนั้นได้ เราก็จะเข้มแข็งกว่าเดิม ความทุกข์จะทำให้เราเข้มแข็งกว่าเดิม   อย่างที่บางคนพูดว่า แพ้เป็นถ่าน ผ่านเป็นเพชร ถ้าเราหยุดก็ถูกมันไหม้เผาผลาญจนไม่เหลืออะไรเลย แต่ถ้าผ่านมันได้เราจะเข้มแข็งกว่าเดิม หรือประสบสิ่งดีๆ มากกว่าเดิม อย่างน้อยก็ได้ประสบการณ์ที่ทำให้เรามีปัญญา มีภูมิคุ้มกันในการเผชิญกับวิกฤตที่รุนแรงยิ่งขึ้น หรือรุนแรงกว่านั้นในวันข้างหน้าได้ 


25680522pm--ใจสงบได้แม้ถูกกระทบ
#1227
06/26/2025

22 พ.ค. 68 - ใจสงบได้แม้ถูกกระทบ : แม้ว่ามันจะมีอารมณ์เกิดขึ้นเมื่อมีการกระทบ แต่ใจถ้าไม่กระเทือนก็ได้ ถ้าไม่ไปยึดอารมณ์เหล่านั้น ใจก็ยังสงบได้ สงบได้ไม่ใช่เพราะว่าไม่มีอารมณ์ ไม่มีความโกรธ ไม่มีความโศก ไม่มีความเครียด แม้มันยังมีได้ แต่ว่าใจก็ไม่ทุกข์ ใจก็ไม่กระเทือน เพราะว่ารู้ทัน รู้แล้วก็วาง รู้แล้วก็วาง ในที่สุดอารมณ์นั้นก็จางคลายไป

นี่คือความสงบที่ไม่เกินเอื้อมของพวกเรา และที่เรามาปฏิบัตินี้ก็เพื่อมารู้จักกับความสงบชนิดนี้ ไม่ใช่สงบเพราะไม่มีอะไรมากระทบ แต่สงบเพราะว่าแม้มีอะไรมากระทบแต่ว่าใจไม่กระเทือน ไม่กระเทือนเพราะว่าไม่มีอารมณ์เกิดขึ้น ไม่มีความโศกเกิดขึ้น หรือถึงแม้จะมีความโกรธ ความหงุดหงิด ความเครียดเกิดขึ้น แต่ก็รู้ทัน แล้วก็ปล่อยวางมันได้ ไม่ไปยึดมัน   พูดง่าย ๆ คือแม้มันมีอารมณ์เหล่านี้แต่ไม่เอา อันนี้คือความสงบที่มันไม่เหลือวิสัยที่เราจะทำให้เกิดขึ้นได้ แล้วมันเหมาะกับพวกเรามากเลย เพราะว่าการที่เราจะไปเจอ ไปอยู่ในที่ที่ไม่มีการกระทบนี้มันยาก หรือเป็นไปไม่ได้เลย แม้กระทั่งในวัดจะสงบยังไงก็มีเสียง หรือมีอะไรมากระทบ มีแมลงมากวน บางทีก็มีเสียงดัง แต่ถึงแม้จะมีเสียงดัง จะมีแมลงมากวน จะมีใครพูดไม่ถูกหู แต่ใจไม่ทุกข์ก็ได้ ไม่ทุกข์ไม่ใช่เพราะไม่โกรธ ไม่ใช่ไม่ทุกข์เพราะว่าไม่มีความหงุดหงิด ความโกรธ ความหงุดหงิดมี แต่รู้ทัน แล้วก็วางมันลง 


25680521pm--ทำความเพียรแล้ว ทำใจด้วย
#1226
06/25/2025

21 พ.ค. 68 - ทำความเพียรแล้ว ทำใจด้วย : คนเราจะรู้จักยอมรับความจริงได้ มันต้องฝึก และเราสามารถจะเรียนรู้ตรงนี้ได้จากการมาปฏิบัติที่นี่ เพราะมันจะเจอกับสิ่งที่ไม่ถูกใจเราหลายอย่าง รวมทั้งพยายามปฏิบัติแล้ว มันก็ยังฟุ้ง พยายามปฏิบัติแล้วมันก็ยังไม่สงบ นั่นแหละเป็นของดี เป็นโอกาสที่เราจะได้ฝึกยอมรับ อยู่กับความไม่สมหวังด้วยใจที่ไม่ทุกข์ อยู่กับความไม่สำเร็จด้วยใจที่เป็นปกติ

ถ้าเราฝึกใจยอมรับความฟุ้ง ความเครียดที่เกิดขึ้นได้ เราก็จะมีวิชาที่ไปต่อยอดได้เมื่อออกไปแล้ว คือฝึกใจยอมรับความเป็นไปของโลกและความเป็นไปของชีวิต อาจจะยังไม่ได้มีสติเต็มที่ ไม่ได้พบความสงบอย่างที่หวัง แต่ก็ได้บางอย่างที่มีค่าไปไม่น้อย หรือหลายอย่างด้วย หนึ่งในนั้นคือการรู้จักยอมรับ ยอมรับกาย ยอมรับใจ ยอมรับความจริง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ   หลายคนที่มาก็ประสบความสำเร็จ เพราะว่าอาศัยความเพียร แต่มันไม่พอ อย่างที่บอก หลายอย่างหลายสิ่งมันไม่สามารถจะบรรลุได้เพราะความเพียร หรือเหตุปัจจัยยังไม่มากพอที่จะทำให้บรรลุได้ แต่ถ้ารู้จักทำใจยอมรับ มันก็ช่วยทำให้เราอยู่ในโลกที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ด้วยใจที่ไม่ทุกข์ เจอความไม่สมหวังก็ไม่ทุกข์ แม้เจอความสมหวัง ใจก็ไม่ดิ่ง   อันนี้แหละคือสิ่งที่เราสามารถจะเรียนรู้ได้จากการมาปฏิบัติที่นี่ มันเป็นสิ่งที่หลายคนไม่คิดจะมาเพื่อสิ่งนี้ ต้องการความสงบ ต้องการความพ้นทุกข์ และพ้นทุกข์ก็คือว่า ใจมันไม่คิดอะไร แต่ถ้ามันคิดล่ะ หรือคิดว่าไม่ทุกข์ เพราะยอมรับความจริงได้ เพราะอนุญาตให้มันเกิดขึ้นได้ นี่แหละคือ สิ่งที่เราสามารถจะตักตวง เก็บเกี่ยวได้จากการปฏิบัติ แม้จะยังไม่บรรลุถึงสิ่งที่คาดหวังจากการมาที่นี่ก็ตาม 


25680520pm--รู้ใจก็ไกลทุกข์
#1225
06/24/2025

20 พ.ค. 68 - รู้ใจก็ไกลทุกข์ : ความหลง ความคิดฟุ้งซ่าน อารมณ์หงุดหงิด ความรู้สึกลบ มันเกิดขึ้นได้เพราะมันมีความหลงเป็นเชื้อเป็นอาหาร แต่พอเรามีสติรู้ทัน เรียกว่ารู้ใจ ความคิดลบที่เคยทำให้เราหงุดหงิดหัวเสีย ทำให้เราเครียด ทำให้เรากังวล มันก็หายไป

พูดง่ายๆ คือว่า รู้กายทำให้รู้ใจ แล้วรู้ใจก็ทำให้ไกลทุกข์มากขึ้น ความทุกข์ที่เกิดขึ้นจากความคิด ที่ชอบคิดลบ ชอบระแวง หรือความทุกข์ที่เกิดเพราะความเครียด ความกังวลที่เคยก่อกวนจิตใจ มันจะเล่นงานจิตใจเราไม่เหมือนก่อนแล้ว เพราะว่าเรามีสติรู้ทัน การรู้ใจมันก็ทำให้ใจเรามันไกลทุกข์ ทุกข์ที่เกิดจากความคิดลบ อารมณ์ที่เป็นอกุศล แม้มันยังเกิดขึ้นอยู่ แต่มันก็จะอยู่ไม่นาน ไม่สามารถรบกวนจิตใจเราได้ ยิ่งรู้ใจเท่าไหร่ มันก็ยิ่งไกลทุกข์เร็วเท่านั้น   แล้วพอไกลทุกข์ ใจก็จะสงบได้ เป็นความสงบเพราะรู้ ไม่ใช่สงบเพราะไม่รู้ ไม่ใช่เพราะไม่ได้ยิน แต่สงบเพราะรู้ใจ​ เราฝึกให้หมั่นรู้ใจบ่อยๆ แต่ว่าก่อนจะถึงตรงนั้นก็ต้องรู้กายก่อน รู้กายเร็วเท่าไหร่ ต่อเนื่องเท่าไหร่ ก็จะรู้ใจได้ไว รู้ใจได้ไว ก็จะพาใจออกห่างจากความทุกข์ได้มากแค่นั้น 


25680519pm--อะไรเกิดขึ้นกับเราดีทั้งนั้น
#1224
06/23/2025

19 พ.ค. 68 - อะไรเกิดขึ้นกับเราดีทั้งนั้น : และถ้าเรายอมรับสิ่งต่าง ๆ ได้ รวมทั้งสิ่งที่ไม่ถูกใจ ออกไปข้างนอกเจอความไม่ถูกใจ มันก็ไม่ทุกข์ และนั่นแหละคือความสงบที่เราอาจจะคาดไม่ถึงเลย ไม่ใช่สงบเพราะไม่มีเสียงดัง แต่สงบเพราะใจมันไม่โวยวาย ใจมันยอมรับ มันก็สงบได้

ไม่ใช่ว่าปฏิบัติแล้วจะไม่หายปวด การปฏิบัติแล้วจะหายปวด ปฏิบัติแล้วจะไม่ฟุ้ง ยังฟุ้งอยู่แต่ใจไม่ทุกข์แล้ว เพราะว่าไม่คาดหวังความไม่ฟุ้ง จริง ๆ ความฟุ้งไม่ได้ลงโทษเรา ไม่ได้รบกวนเรา แต่ที่ทุกข์เพราะไม่ชอบความฟุ้ง ไม่อยากให้มันฟุ้ง คาดหวังความไม่ฟุ้ง แต่พอเราปรับใจยอมรับมันได้ วางความคาดหวังทุกอย่าง ฟุ้งก็ได้ ไม่ฟุ้งก็ได้ พอถึงเวลาที่ความฟุ้งเกิดขึ้น เราไม่ทุกข์แล้ว   เพราะอย่างที่ว่าถ้าวางใจเป็น แม้กระทั่งมะเร็งมันก็กลายเป็นของขวัญได้ นับประสาอะไรกับความฟุ้ง ถ้าเรารับมือกับมันไม่ได้ ยังทุกข์เพราะมัน นี่แสดงว่าเรายังต้องฝึกอีกมาก แสดงว่าเราจะต้องเรียนรู้ที่จะต้องผ่านการฝึกฝนจากความฟุ้ง ให้มันฟุ้งเยอะ ๆ จนกระทั่งทำใจยอมรับได้ 


25680518pm--ที่นี่เดี๋ยวนี้ ไม่มีเหตุให้ทุกข์
#1223
06/22/2025

18 พ.ค. 68 - ที่นี่เดี๋ยวนี้ ไม่มีเหตุให้ทุกข์ : บางทีเราก็เครียด เราก็กังวล เพราะใจไปนึกถึงงานที่รออยู่ข้างหน้า ยังไม่ได้ไปสอบแต่ใจก็เครียดแล้ว ยังไม่ได้ไปพรีเซนต์งานในที่ประชุมเลยแต่ก็เครียดแล้ว กังวลซะแล้ว เราเครียดเรากังวลกับเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น แล้วบางอย่างก็อาจจะไม่เกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ แต่ว่าก็เครียดไปแล้ว ทุกข์ไปแล้ว นี่เรียกว่าหลงไปอดีต ลอยไปในอนาคต สรุปแล้วก็เลยจมอยู่ในความทุกข์

แต่ถ้าเรากลับมาอยู่กับปัจจุบัน ไม่มีเหตุผลที่เราจะทุกข์เลยนะ ถ้าใจเราอยู่ตรงนี้ที่หอไตร มันไม่มีอะไรต้องทุกข์เลย ถึงแม้จะมีแมลงอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าพื้นจะแข็งบ้างแต่ก็ไม่เท่าไหร่ แต่พอใจเราไปนึกถึงวันพรุ่งนี้เลย โอ๋ จะต้องปฏิบัติทั้งวันจะไหวหรือนี่ จะต้องปฏิบัติอีกตั้ง 6 วัน จะไหวหรือนี่ คิดถึงงานที่ยังไม่ได้ทำ คิดถึงหนี้ที่ยังไม่ได้ผ่อน เครียดเลย แต่ทำไมถึงคิดนะ เพราะไม่รู้ตัว แล้วเรื่องที่คิดก็เป็นเรื่องอนาคต   ถ้าใจเราอยู่กับปัจจุบัน ที่นี่ เดี๋ยวนี้ มันไม่มีเหตุผลจะต้องเครียด ไม่มีเหตุผลจะต้องทุกข์ ไม่มีเหตุผลจะต้องเศร้าเลยนะ แต่ที่เราเศร้า ที่เราโกรธ ที่เราแค้น ที่เราอาลัยอาวรณ์ ที่เรากังวล เครียด เพราะใจไม่อยู่กับปัจจุบันทั้งนั้นเลย ถ้าใจกลับมาอยู่กับปัจจุบันก็ไม่มีอะไรที่ต้องทำให้ทุกข์ สำคัญก็คือว่าใจเราไม่ยอมอยู่กับปัจจุบัน เพราะใจเราชอบหลง แต่ถ้ามีสติที่ฝึกไว้ดีแล้ว มันก็จะทำให้ใจอยู่กับปัจจุบันได้ง่าย การปฏิบัติที่เคยเป็นเรื่องยากก็กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมา แล้วก็จะรู้ว่าที่มันยากเพราะเราทำให้มันยากไปเอง ไม่ใช่เพราะว่าการปฏิบัติมันยากในตัว อันนั้นไม่ใช่ 


25680517am--เติมสุขด้วยธรรม
#1222
06/21/2025

17 พ.ค. 68 - เติมสุขด้วยธรรม 


25680515pm--สอนเด็กให้รู้จักมรณานุสติ
#1221
06/20/2025

15 พ.ค. 68 - สอนเด็กให้รู้จักมรณานุสติ : คนเราแม้เราจะรักกันอย่างไร แต่ถ้าเกิดว่าเราทำไม่ดีต่อกัน โดยเฉพาะในช่วงโมเมนต์สุดท้าย มันก็บาดลึกกินใจ​ แต่ในทางตรงข้าม ถ้าเกิดเราทำดีกับเขา ไม่ใช่แค่ช่วงเวลาสุดท้าย แต่ทำมาดีโดยตลอด เวลาเขาจากไป ก็จะไม่เศร้าเสียใจมาก เพราะว่าตอนที่เขาอยู่กับเรา เราก็ทำดีกับเขาเต็มที่แล้ว

คนเราถ้าหากระลึกว่าคนที่ผูกพันกับเรา เขาจะจากเราไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แล้วเราก็พยายามทำดีกับเขา ไม่เอาความรู้สึกของตัวเองเป็นใหญ่ แล้วไม่ใช่เขาเท่านั้นที่อาจจะจากเราไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อาจจะเป็นเราก็ได้ด้วยซ้ำที่จากเขาไป จากพ่อจากแม่ไป จากลูก จากคนรัก ถ้าเกิดว่าเราได้ทำดีกับเขามาโดยตลอด ถึงเวลาที่เราจะจากไป เราก็ไม่มีความอาลัย ไม่มีความเสียใจ พร้อมจะไป 


25680514pm--กิเลสเนียนแค่ไหน ใจก็รู้ทัน
#1220
06/19/2025

14 พ.ค. 68 - กิเลสเนียนแค่ไหน ใจก็รู้ทัน : คนเราเวลาไม่ได้รับความสนใจ มันก็ย่อมไม่พอใจ แต่ก็ต้องสังเกตว่าเป็นเพราะอะไร เพราะกิเลสหรือเปล่า อัตตาหรือเปล่า เป็นเพราะมานะไหม ถ้ารู้ทันก็อย่าให้มันครองใจ มันโกรธก็โกรธไป แต่ให้มันเป็นกิเลสที่โกรธ ไม่ใช่เราโกรธ แต่ถ้าไม่เท่าทันมัน ก็จะโกรธจนกระทั่งไม่มีความสุขเลย แล้วเป็นอย่างนี้กันเยอะ เพียงแค่ไม่ถูกทักโดยใครบางคน โกรธเขาจนตายก็มี แต่ถ้าเรารู้ทัน เราก็รู้ว่านี่มันเป็นเพราะกิเลส ก็ไม่ปล่อยให้ความโกรธนั้นครองใจ

หรือบางทีอยากจะอวด แต่มันไม่มีช่องทางจะอวด เกิดความอัดอั้นตันใจขึ้นมา ก็ให้รู้ว่าที่อัดอั้นมันเป็นตัวมานะที่อยากจะโชว์ อยากจะประกาศให้โลกรู้ และเราก็ควรที่จะไม่ทำตามอำนาจของมันบ้าง เพราะถ้าทำตามอำนาจของมัน มันก็จะครองจิตครองใจเราอยู่ตลอดเวลา เราก็ต้องรู้จัก ไม่ปล่อยให้มันครองใจ   แม้เราจะห่างไกลจากกิเลสที่หยาบ แต่กิเลสที่มันละเอียด กิเลสที่มันเนียนก็ยังสามารถจะเข้ามาเล่นงานจิตใจเราได้ เราต้องรู้ทัน โดยเฉพาะกิเลสที่ชื่อมานะ อยากประกาศตัวตน อยากจะให้ใครเขารู้จัก อยากจะอวดความเก่งความดี ความสามารถของเรา หรือแม้กระทั่งอยากจะเป็นคนดี อยากให้ใครชมว่าเราเป็นคนดี ตรงนี้ต้องระวัง เพราะถ้าเราปล่อยให้มันครองใจเมื่อไหร่ เราก็จะทุกข์ได้ง่าย แม้เราจะยังเอามันออกไปจากใจได้ไม่หมด แต่อย่างน้อยก็ให้รู้ทัน แล้วไม่สนองความต้องการของมัน 


25680512pm--เสริมสร้างภูมิคุ้มใจ
#1219
06/18/2025

12 พ.ค. 68 - เสริมสร้างภูมิคุ้มใจ : ภูมิคุ้มกันจิตใจก็เหมือนกัน เราก็ต้องช่วยให้เขาทำงานได้ดี ที่จริงการเจริญสติมันก็เป็นวิธีการที่ชัดตรง หรือว่าลัดตรงอยู่แล้ว ยิ่งเราเจริญสติเท่าไหร่ สติเราก็มีกำลังแข็งแรง ถ้าหากว่าทำถูกวิธี แต่ถ้าทำไม่ถูกวิธี ทำด้วยความอยาก สติก็ไม่ได้โตหรือโตช้า วิธีการช่วยให้สติแข็งแรงก็ทำได้หลายอย่าง ส่วนหนึ่งก็พยายามห่างไกลจากสิ่งเร้าเย้ายวนไม่ว่าทางมือถือ การพูดคุยกับผู้คน การสังสรรค์เฮฮา อันนี้นอกจากทำให้ตัวหลงมีกำลัง ยังทำให้สติเราอ่อนแอด้วย

ที่พระพุทธเจ้าตรัส การนอนการนั่งในที่อันสงัด ความหมายหนึ่งหรือวัตถุประสงค์อันหนึ่งก็คือ เพื่อให้สติเรามีกำลัง เป็นตัวช่วยให้สติมีกำลัง เพราะว่าถ้าหากว่าอยู่ในที่ที่วุ่นวาย มันก็จะมีสิ่งรบกวน มีสิ่งยั่วยุ สิ่งเย้ายวน สติก็เติบโตช้า การรู้จักเสพ การเสพพอประมาณ รู้จักประมาณในการบริโภค โดยเฉพาะการบริโภคข่าวสาร การบริโภคโซเชียลมีเดีย สมัยนี้ถ้าเราบริโภคแต่น้อย มันก็ช่วยเติมเสริมสติให้มีกำลังได้ 


25680511pm--โลกทุกข์แต่ใจไม่ทุกข์
#1218
06/17/2025

11 พ.ค. 68 - โลกทุกข์แต่ใจไม่ทุกข์ 


25680510pm--ฝีกจิตเสริมประสบการณ์ชีวิต
#1217
06/16/2025

10 พ.ค. 68 - ฝีกจิตเสริมประสบการณ์ชีวิต : ประสบการณ์ชีวิตก็สอนเรามากมาย แต่บางคนก็รู้ว่า อย่าไปสนใจกับความโกรธ อย่าไปสนใจกับเสียงดัง จากเพื่อนบ้าน แต่มันห้ามใจไม่ได้ รู้ว่าไม่ดี แต่ก็ไปสนใจกับมัน แล้วก็เลยหงุดหงิดหัวเสีย อย่างที่เขาพูดว่า ดีชั่วรู้หมด แต่อดใจไม่ได้ รู้ว่าเงินทองเป็นของนอกกาย แต่พอหาย หรือพอซื้อของเกิน จ่ายเงินเกิน แพงไป เสียใจ รู้ทั้งรู้ว่าเงินทองเป็นของนอกกาย แต่มันอดเสียดายเสียใจไม่ได้ แต่พอมีสติปุ๊บ นี่ โอ้ มันวางได้เลย มันจะมีความอาลัย ความเสียดายเกิดขึ้นในใจอย่างไร ก็ทำอะไรใจเราไม่ได้ มันจะมีเสียงต่อว่าแม่ค้าที่โกงเรา หรือเสียงด่าว่าตัวเองว่าทำไมโง่ให้เขาหลอก มันก็ไม่สน ไม่นานเสียงนี้ก็เงียบไป

เพราะฉะนั้น เจออะไรก็ตาม ใจก็ไม่ทุกข์ ถ้าหากว่าเราฝึกจิตเราให้ดี และการฝึกจิตอย่างนี้คือการฝึกสติ และนี่คือเหตุผลที่เรามาฝึกกัน มาเสริมกับสิ่งที่เราได้เรียนรู้ จากประสบการณ์อันยาวนานของเรา จากประสบการณ์ที่ได้ผ่านโลกมา เรามาเสริมตรงนี้ เพื่อทำให้ชีวิตของเรามีความสงบเย็น รวมทั้งสามารถก้าวข้ามผ่านทุกข์ไปได้ง่ายขึ้น 


25680509pm--ทำบุญแล้ว ปฎิบัติธรรมด้วย
#1216
06/15/2025

9 พ.ค. 68 - ทำบุญแล้ว ปฎิบัติธรรมด้วย : เราทุกข์เพราะความคิด การที่เรามาเห็น มารู้ทันความคิด และไม่ปล่อยให้จิตมันไหลไปอดีต ลอยไปอนาคตเป็นสิ่งสำคัญ ที่เรามันเจริญสติกันเพื่อที่เราจะได้รู้จักวิธีในการดับทุกข์ ดับที่ใจ ไม่ต้องไปดับที่อื่น เพราะบางอย่างก็ดับไม่ได้ ไปแก้ไม่ได้ บางทีเสียงริงโทนจากโทรศัพท์มือถือของคนอื่น มันดังเข้ามาเราจะไปทำอย่างไร แต่ถ้าเราปล่อยวาง ไม่ไปจดจ่อที่เสียงนั้น ไม่รู้สึกลบกับเสียงนั้น ปล่อยให้มันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไป ใจเราก็ไม่ทุกข์

ที่เรามาเจริญสติเพื่อมาฝึกให้ใจเรามีธรรมะ ก็คือสติรักษาใจ ฉะนั้นถ้าเรามีสติเป็นเครื่องรักษาใจ ใจมันก็จะไม่เพ่นพ่าน ไม่ไปหาทุกข์ หรือไม่ไปซ้ำเติมเพิ่มทุกข์ให้ใจ เราถนัดกับการจัดการกับสิ่งภายนอกเพื่อให้ใจสงบ อันนี้เราคุ้นเราเก่งเราถนัด แต่ที่เรายังไม่ค่อยถนัดคือการปรับแก้ที่ใจเรา ปรับแก้ที่ความคิดที่มันชอบคิดลบคิดร้าย ที่มันชอบไปจมอยู่กับอดีต ไปพะวงกับอนาคต หรือว่าไปยึดติดกับความคาดหวังโดยไม่รู้ตัว ฉะนั้นถ้าเรามาฝึก มาปฏิบัติธรรม ได้ตรงนี้ไปมันจะช่วยทำให้เรารับมือกับความทุกข์ได้ อยู่กับ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสที่ไม่เป็นไปดั่งใจ ที่ไม่ถูกใจได้ด้วยใจที่ไม่ทุกข์ นั่นแหละคือธรรมะที่เราควรจะมี นอกเหนือจากการที่เราหมั่นทำบุญอยู่เสมอ 


25680502pm--สงบนิ่งเมื่อใจหายพร่อง
#1215
06/14/2025

2 พ.ค. 68 - สงบนิ่งเมื่อใจหายพร่อง 


25680501pm--สนใจธรรมทำไมถึงโกรธง่าย
#1214
06/13/2025

1 พ.ค. 68 - สนใจธรรมทำไมถึงโกรธง่าย : เราใช้เวลา 1 ชั่วโมงกับโทรศัพท์มือถือ กับโซเชียลมีเดีย จิตใจก็เครียดแล้ว อันนี้เพราะไม่รู้จักเปิดใจรับรู้สิ่งดี ๆ บ้าง หรืออย่างน้อยก็รู้จักพักจิตพักใจมั่ง เติมช่องว่างให้กับใจบ้าง แทนที่จะไปรับรู้สิ่งแย่ ๆ ก็กลับมารับรู้สิ่งที่มันเป็นกลาง ๆ เช่น ลมหายใจ กลับมาอยู่กับลมหายใจที่มันเป็นกลาง ๆ

หรือมิเช่นนั้นก็ต้องยอมรับว่า ชีวิตประจำวันของเราไม่ใช่ว่าจะมีแต่สิ่งที่ถูกใจเราอย่างเดียว มันก็มีสิ่งที่ไม่ถูกใจด้วย ถ้าเราเผื่อใจเอาไว้ว่ามันจะมีสิ่งที่ไม่ถูกใจเรา เวลาเจอสิ่งที่ไม่ถูกใจ มันก็ทำใจได้ เพราะรู้ว่ามันเป็นธรรมดา หรือเพราะไม่คาดหวังว่าจะต้องมีแต่สิ่งที่ถูกใจอย่างเดียว ยอมรับความจริงของโลกได้ มันก็ทำให้ความหงุดหงิดที่สะสมหมักหมมในแต่ละวันน้อยลง   ถ้าสิ่งที่สะสมหมักหมมน้อยลง เวลาถูกอะไรกระทบ มันก็ไม่ปรี๊ดแตกมาก แต่เดี๋ยวนี้คนเราปรี๊ดแตกง่ายเพราะสะสมหมักหมมความเครียดเอาไว้เยอะ จากการไปรับรู้แต่สิ่งแย่ ๆ หรือมิเช่นนั้นก็ไปคาดหวังว่ามันจะมีแต่สิ่งที่ดี ๆ ไม่ยอมรับความจริงว่ามันมีทั้งบวกและลบ มีทั้งที่ถูกใจและไม่ถูกใจ อันนี้เป็นเรื่องที่ต้องรู้จักฝึกใจไว้ด้วย จะไปหวังให้โลกนี้มันถูกใจเราทุกเรื่องมันยาก จะไปเปลี่ยนโลกนั้นไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนที่ใจของเราได้ 


25680430pm--เยียวยาใจด้วยการให้อภัย
#1213
06/12/2025

30 เม.ย. 68 - เยียวยาใจด้วยการให้อภัย : ใจที่มีบาดแผลเพราะความโกรธเกลียดนี้ มันทุกข์มาก เวลาเรามีความโกรธเกลียด มีความเคียดแค้นพยาบาท ความทุกข์ทรมานนี่มันรุนแรงมาก จิตใจมันรุ่มมร้อน บางทีสิ่งที่ถูกกระทำกับกับร่างกาย ยังไม่ร้ายแรงเท่ากับความโกรธเกลียดที่มีอยู่ในใจ หลายๆ คนก็เลือกที่จะจัดการกับความโกรธเกลียดนั้น ด้วยการให้อภัย เพราะการให้อภัยมันเหมือนกับเป็นการเยียวยาจิตใจ 


25680429pm--รู้สึกตัวจนหายกลัว
#1212
06/11/2025

29 เม.ย. 68 - รู้สึกตัวจนหายกลัว : ความกลัวก็เหมือนกัน กลัวอะไรใน ใจก็จะไปจดจ่ออยู่ตรงนั้น ต้องเรียกว่ามันมีอำนาจในการดึงดูดความสนใจของเรา แต่ถ้าเราแค่รู้ทันมันเฉย ๆ เห็นมัน ไม่ยุ่งกับมัน มันก็จะค่อย ๆ เบาลง ๆ ฉะนั้นการฝึกสตินี่สำคัญมากที่จะช่วยทำให้เรารับมือกับความกลัวได้ แต่การที่จะไปเห็นอารมณ์ รู้ทันอารมณ์ แล้วไม่ไปข้องแวะกับมัน ถ้าไม่ได้ฝึกมาก็ยาก และถ้าจะฝึกก็ต้องเริ่มจากสิ่งที่มันง่ายก่อน เช่น มารับรู้ดูกาย เวลาความกลัวเกิดขึ้นกายเป็นอย่างไร หน้านิ่วคิ้วขมวดหรือเปล่า ลมหายใจมันตื้น มันถี่ มันสั้นหรือเปล่า หัวใจเต้นแรงไหม มือไม้กำแน่นหรือเปล่า

เพียงแค่เอาใจมาดูกาย มาสแกนเลยก็ได้ มาสแกนดูว่าอวัยวะแต่ละส่วน ๆ ตั้งแต่ใบหน้าลงมาจนถึงแข้งขาเป็นอย่างไร มันช่วยได้เยอะ เพราะในช่วงขณะนั้นแหละที่ทำให้ใจมันหลุดออกจากความกลัว หรือใจหลุดออกจากเรื่องที่กลัว เรียกว่าวางเรื่องที่กลัวหรือสิ่งที่กลัว ไม่ว่าปรากฏอยู่ในใจหรือว่าได้ยินหรือเห็นก็ตาม การมารับรู้กายนี้ช่วยได้เยอะ แล้วพอรับรู้กายแล้ว มันก็จะพบว่ากายนี่เริ่มจะผ่อนคลายลง การหายใจที่เคยสั้นและถี่ จะค่อยเป็นปกติมากขึ้น มันช่วยลดความกลัวได้  


25680428pm--ถนอมความสนใจให้กับสิ่งสำคัญ
#1211
06/10/2025

28 เม.ย. 68 - ถนอมความสนใจให้กับสิ่งสำคัญ : ถ้าเรารู้จักเลือก ให้ความสนใจมาที่กาย ไม่ว่ารู้กายเคลื่อนไหว หรือบางทีมีความโกรธก็เอาความสนใจมาอยู่ที่ลมหายใจ หายใจเข้าหายใจออกลึก ๆ ให้ความสนใจกับกายแบบนี้มันดีกว่า ต่อไปก็เวลาใจมันคิดนึกอะไรก็รู้ รู้แบบรู้เฉย ๆ รู้แล้วก็วาง ไม่ได้ให้ค่า ไม่ได้ให้ความสนใจกับมัน ไม่ว่าจะเป็นคิดดีคิดไม่ดีก็แค่รู้ แล้วก็วาง ไม่สนใจต่อ มีความคิดลบคิดบวก อารมณ์ดี อารมณ์ไม่ดีก็แค่รู้เฉย ๆ

เรามาฝึกให้ความสนใจกับสิ่งเหล่านี้ดีกว่า ดีกว่าส่งจิตออกนอก ดีกว่าปล่อยใจออกไปกับเรื่องนั้นเรื่องนี้จนกระทั่งไม่มีเวลาที่จะมาอยู่กับตัวเองเลย   ยุคนี้เป็นยุคที่การรู้จักให้ความสนใจเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะถ้าเราปล่อยใจไปตามอำนาจของสิ่งดึงดูดที่พยายามแย่งชิงความสนใจของเราไป สุดท้ายเราจะไม่เหลืออะไรเลย ไม่เหลือแม้กระทั่งเวลาที่จะเป็นตัวของตัวเอง มีลูก มีคนรัก เขาก็ทิ้งหมดเพราะว่าเราไม่สนใจเขา ไม่เหลืออะไรเลย ถ้าไม่รู้จักควบคุมความสนใจของเราให้เป็นที่เป็นทาง 


25680427pm--เรียกสติในยามวิกฤติ
#1210
06/09/2025

27 เม.ย. 68 - เรียกสติในยามวิกฤติ : คนส่วนใหญ่เวลาดมเรียกสติ ส่วนใหญ่ก็หมายถึงสติคือความระลึกได้ ซึ่งก็มีประโยชน์ แต่ว่าไม่พอ เพราะว่าเวลาอารมณ์รุนแรง ไม่ว่าจะเป็นความโกรธ ความกลัว สามัญสติอาจจะไม่พอ ไม่สามารถจะระลึกได้ว่า ที่จะทำไปจะเกิดโทษอย่างไรบ้าง หรือระลึกได้ว่า อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ

แต่ถ้าเราฝึกสัมมาสติได้มากพอจะลึกได้เร็ว จะรู้ตัวได้ไว จะเห็นอารมณ์ที่เกิดขึ้น รู้ตัวว่าเผลอแล้ว รู้ตัวว่าอารมณ์ท่วมท้น อารมณ์ก็จะเบาบางเพราะธรรมชาติของอารมณ์พวกนี้แพ้ทางสติ มันกลัวการถูกรู้ ถูกเห็น ฉะนั้นการท่อง การฟัง ได้ยินอะไรมามาก ๆ อาจจะช่วยให้เราระลึกได้ในยามจำเป็น แต่ว่าในบางครั้งระลึกไม่ได้เลย เพราะอารมณ์มันรุนแรง มันลืมตัวหนัก แต่พอเจอสัมมาสติเข้า เอาอยู่ ถ้าหากว่าได้ฝึกมา   เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องที่เราควรจะต้องหมั่นฝึก ฝึกสัมมาสติ ฝึกให้มี ให้เห็น ให้รู้ทันความคิด ให้รู้ทันอารมณ์ อย่าหวังพึ่งตัวช่วย อย่าหวังพึ่งเพื่อนที่มาด้วยกัน เพราะบางทีเขาก็ไม่ได้มากับเรา หรือบางทีก็กลับยุเราด้วยซ้ำเพราะเขาก็โกรธพอ ๆ กับเรา ยุส่งให้เราไปลุยไปราวี แต่ว่าถึงแม้ไม่มีใครมาเตือนสติเราแต่ว่าสติในใจเรานี่แหละที่จะช่วยเราได้โดยเฉพาะถ้าเป็นสัมมาสติ 


25680426pm--ความร้อนสอนธรรม
#1209
06/08/2025

26 เม.ย. 68 - ความร้อนสอนธรรม : ความรู้สึกว่าร้อนเป็นเวทนา ในยามนี้สำหรับคนส่วนใหญ่ก็คือทุกขเวทนา แต่ถ้าเกิดใจบ่นว่า “ร้อน ร้อนเหลือเกิน” อันนี้มันเจือไปด้วยความหงุดหงิด ความไม่พอใจ ตรงนี้เป็นสังขารแล้ว เวทนาอย่างเดียวเราจะมองว่าเป็นสัญญาก็ได้ เวทนาก็ได้ สังขารก็ได้

มันสำคัญยังไง สำคัญตรงที่ว่าเวลาเรารู้สึกร้อน แล้วมันไม่ใช่แค่รู้สึกร้อน แต่ใจมันบ่นว่า “ร้อน ร้อนเหลือเกิน” ตรงนี้มันแปลว่าไม่ใช่กายที่ร้อนอย่างเดียว ใจก็ร้อน ไม่ใช่กายที่ทุกข์อย่างเดียว ใจก็ทุกข์ด้วย แล้วถ้าเราปล่อยให้ใจทุกข์ มันก็เหมือนกับว่าทุกข์ 2 ชั้น หรือว่าร้อน 2 ต่อ ร้อนกายแล้วก็ร้อนใจ ถ้าร้อนแล้วมันทำให้ทุกข์กาย แล้วก็ทุกข์ใจตามไปด้วย   ในเมื่อจะร้อนทั้งที ก็ให้มันร้อนอย่างเดียวคือร้อนกายแต่ว่าใจอย่าร้อน ในเมื่อมันทุกข์ ก็ให้ทุกข์แค่กายแต่ว่าใจอย่าทุกข์ แต่คนส่วนใหญ่ปล่อยให้ทุกข์ทั้งกาย ทุกข์ทั้งใจ ร้อนทั้งกาย ร้อนทั้งใจ แทนที่จะรู้สึกว่าร้อนเท่านั้น ใจมันก็บ่นว่าร้อน ร้อน มีความหงุดหงิด มีความไม่พอใจ   เราเห็นไหม เห็นใจที่มันบ่นไหม เห็นใจที่มันหงุดหงิดไหม เห็นใจที่มันโวยวายไหม ถ้าไม่เห็นนี้ขาดทุน เพราะถ้าไม่เห็น มันก็ทุกข์ 2 ต่อ ทุกข์กายด้วย ทุกข์ใจด้วย ร้อนทั้งกาย ร้อนทั้งใจ และถ้าไม่เห็น ไม่เห็นว่าใจมันบ่น ใจมันโวยวายตีโพยตีพาย นอกจากจะแยกไม่ออกระหว่างสัญญา เวทนา และสังขาร ที่สำคัญก็คือ กลายเป็นทุกข์ฟรี ๆ 


25680425pm--สงบสยบอารมณ์
#1208
06/07/2025

25 เม.ย. 68 - สงบสยบอารมณ์ : ความอยากมันท่วมท้นใจ ถ้าไม่ได้นี่อัดอั้นมาก แต่ว่าพอมาดูความอยาก ดูเฉยๆ ความอยากมันก็ค่อยๆ ลด ค่อยๆ หายไป กลายเป็นว่าพอไปดูวันที่สี่กลายเป็นเบื่อไปเสียแล้ว ไม่อยากได้แล้ว ความอยากมันหายไปเลย หายไปเพราะอะไร เพราะดูมัน อันนี้เป็นวิธีการรับมือกับอารมณ์ที่มีประโยชน์มาก ไม่ใช่ทำตามมัน แล้วก็ไม่ใช่กดข่มมัน กดข่มมัน มันก็ไม่ไปไหน มันก็จะซ่อนอยู่ข้างใน แล้วพอกดมากๆ ถึงจุดนึงก็ระเบิด คนที่กดข่มความอยาก ไม่ว่าจะเป็นอยากเหล้า หรือว่าอยากบุหรี่ หรือว่าอยากเล่นเกม พอข่มไปมากๆ พอถึงวันนึงมันระเบิดออกมา ก็จมอยู่กับความอยากนั้นเต็มที่เลย อันนี้ไม่ใช่วิธีการที่ดี ได้ผลเป็นผลดีเฉพาะระยะสั้น

เช่นเดียวกับความโกรธ โกรธก็กดข่ม มันก็มีผลดีระยะสั้น แต่ถ้าทำไปบ่อยๆ ทำไปนานๆ มันก็ระเบิดออกมา พอระเบิดนี่บางทีเสียหายมากมาย ข้าวของถูกทำลาย หรือว่าด่าเสียๆ หายๆ ทำร้าย ใช้กำลังรุนแรง อันนี้เพราะว่าปรี๊ดแตก เพราะฉะนั้นทางที่ดีคือการที่มาดูมัน เห็นมัน รู้ซื่อๆ ดูมันเฉยๆ ใช้ความสงบสยบอารมณ์ 


25680420pm--การดูแลด้วยใจและสติ
#1207
06/06/2025

20 เม.ย. 68 - การดูแลด้วยใจและสติ : ความเจ็บป่วยเป็นธรรมดาของชีวิต ไม่มีใครหนีพ้นความจริงข้อนี้ไปได้ แม้พยายามป้องกันเพียงใดก็ตาม ก็ย่อมมีวันที่จะต้องล้มป่วย ในยามนั้นนอกจากการเยียวยารักษากายแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันก็คือการดูแลรักษาใจ เพราะความป่วยใจมักเกิดขึ้นควบคู่กับความป่วยกาย บ่อยครั้งความป่วยใจยังซ้ำเติมให้ความป่วยกายเพียบหนักขึ้น หรือขัดขวางไม่ให้การเยียวยาทางกายประสบผลดี แต่หากดูแลรักษาใจให้ดีแล้ว ความทุกข์ทรมานก็จะลดลง อีกทั้งยังอาจช่วยให้ความเจ็บป่วยทุเลาลงด้วย

ป่วยกายแต่ไม่ป่วยใจนั้น เป็นไปได้ หากรู้จักวางใจให้เป็น ยิ่งกว่านั้นใจที่มีสติและปัญญา ยังสามารถหาประโยชน์จากความเจ็บป่วยได้ด้วย เช่น ทำให้เกิดความเข้าใจในความเป็นจริงของชีวิต ตระหนักถึงความไม่เที่ยงของสังขาร กระตุ้นให้เกิดความไม่ประมาท เร่งสร้างกุศล และทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดในขณะที่ยังมีเวลา ความเจ็บป่วยจึงสามารถเป็นปัจจัยผลักดันให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ทำให้จิตใจเจริญงอกงามและเป็นสุข 


25680420am--ทำบุญเพื่อละ
#1206
06/05/2025

20 เม.ย. 68 - ทำบุญเพื่อละ 


25680416pm--แผนสำรองของชีวิต
#1205
06/04/2025

16 เม.ย. 68 - แผนสำรองของชีวิต : ถ้าได้มารู้วิชาที่ว่านี้คือ วิชายอมรับทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับกายและใจ อย่าไปคาดหวังว่าปฏิบัติธรรมแล้วใจจะสงบ สงบก็ดี แต่ถ้าไม่สงบ เราก็มีแผนสำรอง backup เอาไว้ว่า แม้ไม่สงบ แต่ว่าใจไม่ทุกข์ เพราะยอมรับมันได้หรือเพราะรู้ทันมัน

อันนี้คือวิชาหรือแผนสำรองที่คนมักจะไม่ค่อยนึกถึงเท่าไหร่ แม้จะเป็นนักปฏิบัติธรรมก็ตาม เพราะว่าทำไปๆ ก็คาดหวังว่าจะไม่ทุกข์ ไม่หงุดหงิด ไม่หัวเสีย ไม่โมโห ไม่เศร้าไม่โศก แต่พอมันยังเกิดขึ้นอยู่ ก็ไปไม่เป็น จัดการกับมันไม่ได้ นี่เพราะว่าไม่มีแผนรองรับเพื่อรับมือกับอารมณ์เหล่านี้ แม้ว่าไม่อยากให้มันเกิดขึ้น แต่พอมันเกิดขึ้นแล้ว อย่างน้อยเราก็รู้วิธีที่จะรับมือกับมันได้ อันนี้คือแผนสำรอง หรือตัว backup ที่เราควรจะมีด้วย 


25680415pm--เหตุผลของลูก ความทุกข์ของแม่
#1204
06/03/2025

15 เม.ย. 68 - เหตุผลของลูก ความทุกข์ของแม่ : คนสมัยก่อนเขาบอก ชีวิตมันสั้นต้องรีบทำความดี อันนี้แหละคือตรรกะที่ถูกเพราะว่าถ้าเราทำความดีมันไม่ใช่แค่ทำให้เราไปสู่สุคติ ถึงแม้ไม่เชื่อว่าจะมีสุคติในภพหน้าแต่อย่างน้อยการทำความดีก็ช่วยทำให้เมื่อจะตายนี่มันไม่ทรมาน เพราะคนเราไม่ได้ตายแบบปุบปับหรือปิดสวิตช์ ต้องใช้เวลากว่าจะตาย แล้วในช่วงนั้นถ้าไม่เตรียมใจมันก็จะมีความทุกข์ทรมานมาก

แต่ถ้าเราฝึกจิตเอาไว้ ทั้งทำความดี สร้างบุญสร้างกุศล แล้วก็ฝึกเจริญมรณสติ รวมทั้งเจริญสัมมาสติด้วย ก็ทำให้เรารับมือกับความทุกข์ก่อนตายได้ แต่ถ้าเกิดว่าเอาแต่ช้อปปิ้ง เอาแต่เที่ยวสนุกสนาน ถึงเวลาป่วยหนักแล้วก็ยืดเยื้อหลายเดือนหรือหลายอาทิตย์ ไม่มีวิชาความรู้ ไม่มีวิชาที่จะรับมือกับความทุกข์ก่อนตายเลย มันจะทรมานมาก ยังไม่ต้องพูดว่าตายแล้วจะไปไหน แต่เดี๋ยวนี้มันก็เป็นตรรกะ ตรรกะที่จะเรียกว่าเป็นมิจฉาตรรกะก็ได้ เพราะมันเป็นเหตุผลของกิเลส ชีวิตนี้สั้น ไม่จีรัง อีกไม่นานก็ตาย เพราะฉะนั้นเสพสุขให้เต็มที่ดีกว่า หรือว่าทำชั่วก็ได้ เพราะตายไปแล้วก็จบ อันนี้ก็เป็นมิจฉาตรรกะ หรือจะเรียกว่าเป็นตรรกะวิบัติก็ได้   แล้วคนก็คล้อยตามเพราะดูมันเป็นตรรกะดี ชีวิตนี้สั้นฉะนั้นเสพสุขให้เต็มที่ ก็ดูเหมือนว่ามีเหตุมีผลแต่ไม่เป็นเหตุผลของกิเลส มันเป็นเหตุผลจำพวกเดียวกัน ในเมื่อพ่อแม่ให้กำเนิดเรามา เพราะฉะนั้นต้องเลี้ยงดูเราให้มีความสุขเต็มที่ แทนที่จะมองว่า เออ พ่อแม่กำเนิดเรามา เพราะฉะนั้นควรจะขอบคุณ ควรจะสำนึกในบุญคุณของพ่อแม่ แต่เขาไม่คิดแบบนี้กันแล้ว แต่นี่ก็ธรรมดา ก็ต้องชี้ให้เห็นว่ามันเป็นตรรกะที่ผิดพลาดอย่างไร ไม่ใช่ตอบโต้ด้วยการด่า มันไม่มีประโยชน์ แต่ต้องหักล้างด้วยเหตุด้วยผล ด้วยการชี้ให้เห็นว่ามันเป็นเหตุผลที่มีแต่จะทำให้เกิดโทษกับทุกฝ่ายที่​เกี่ยวข้อง 


25680414pm--สำเร็จแต่ไม่มีความสุข
#1203
06/02/2025

14 เม.ย. 68 - สำเร็จแต่ไม่มีความสุข : อันนี้ก็เป็นบทเรียนคนที่ต้องการความสำเร็จในอาชีพการงาน ต้องการสร้างอาณาจักร คิดว่าถ้าร่ำรวย มีชื่อเสียง แล้วจะมีความสุข อันนี้มันเป็นความฝันลม ๆ แล้ง ๆ เพราะว่าอย่าว่าแต่ความล้มเหลวเลย แม้สำเร็จก็ไม่ใช่มีความสุข ไม่มีความสุขเพราะว่าความสำเร็จที่ว่านี้มันไม่ให้ความสุขกับเราอย่างแท้จริง เงินทอง ชื่อเสียง

และมิหนำซ้ำต้องมีความทุกข์ ทุกข์กับการรักษา ทุกข์กับการรักษาความสำเร็จเอาไว้ ทุกข์กับการรักษาสมบัติหรืออาณาจักรที่สร้างเอาไว้ มันก็เหมือนกับคนมีเงิน มีเงินก็ไม่ได้มีความสุขหรอก เงินไม่ได้ให้ความสุขที่แท้จริง แถมยังต้องทุกข์กับการรักษา แล้วรักษาอย่างไรก็รักษาไม่ได้ เพราะมันต้องเสื่อมไปตามหลักอนิจจัง พอมันหายไปก็ทุกข์ เรียกว่าสุขชั่วคราวแต่ทุกข์ยาวนาน   อันนี้มันก็เป็นอุทาหรณ์สอนใจผู้คน แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่ยอมเรียนรู้ เพราะคิดว่านั่นเป็นเรื่องของเขา แต่ถ้าเป็นฉันมันจะไม่เป็นอย่างนั้น แต่พอประสบความสำเร็จจริง ๆ ก็อาจจะพบว่ารู้งี้ ไม่ทำอย่างที่เป็นก็ได้ เหมือนอย่างที่เดวิทท์บอกอยากจะพังทุกอย่างแล้วก็เริ่มต้นใหม่ แต่ทำไม่ได้แล้ว   คนเราถ้าหากว่าไม่เจอ ไม่มีประสบการณ์ด้วยตัวเอง บางทีก็ไม่เข้าใจ กว่าจะเรียนรู้ก็สายไปแล้ว แทนที่จะเอาเวลาไปทำสิ่งที่มีค่า พบกับความสุขที่แท้จริง กลับไปเจอกับความสุขปลอม ๆ อย่างที่ธอโรบอกว่า โศกนาฏกรรมของชีวิตก็คือการที่เพียรพยายามทั้งชีวิตเพื่อจะจับปลา แต่ปรากฏว่ามันไม่ใช่ปลาที่ตัวเองต้องการอย่างแท้จริง ได้มาก็จริงแต่ว่าไม่มีความสุข นี่ยังไม่นับประเภทว่าล้มเหลวไม่ได้มา อันนั้นยิ่งทุกข์เข้าไปใหญ่ ถ้าวางไม่เป็น 


25680413pm--เตรียมพร้อมรับความตายอยู่เสมอ
#1202
06/01/2025

13 เม.ย. 68 - เตรียมพร้อมรับความตายอยู่เสมอ : การเจริญสตินี้มันก็ช่วยเราได้ เราไม่รู้ว่าเราจะตายเมื่อไหร่ ตายเพราะอะไร แต่ถ้าเกิดว่าจะต้องตายเพราะเหตุที่ปัจจุบันทันด่วน สติก็จะช่วยเราได้ ช่วยคุ้มครองใจเราไม่ให้ตื่นตระหนก แล้วก็เมื่อถึงเวลาที่จิตดับ ก็ไปสุคติ

อย่างคุณยายท่านนี้แม้ว่าจะตายแบบกะทันหัน แล้วก็ตายแบบไม่สวยในสายตาคนทั่วไป แต่ก็เชื่อว่าคุณยายน่าจะไปดี เพราะว่าตั้งอยู่ในความไม่ประมาท คุณยายได้ฟังธรรมะแล้วก็เตือนใจตัวเองว่าให้ว่าความตายไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่ากลัว ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท อยู่กับปัจจุบัน ทำให้ดีที่สุด แล้วก็กำลังจะใส่บาตรด้วย ทั้งหมดนี้ล้วนแต่มีส่วนอำนวยให้ใจของคุณยายเป็นกุศล แล้วก็แม้จะมีเหตุร้าย แต่ว่าก็เชื่อว่าจะไม่ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วแวบเดียวก่อนที่จะสิ้นลม   แม้เราจะไม่รู้ว่าเราจะตายเมื่อไหร่ แต่ว่าการเจริญสติสำคัญมาก ฝึกใจเอาไว้ พร้อมเผชิญกับทุกอย่างด้วยใจที่สงบ ฉะนั้นก่อนหน้านั้นก็ควรหมั่นทำความดี สร้างบุญ สร้างกุศลอยู่เนือง ๆ ไม่มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจที่จะทำให้จิตมันหวนกระหวัดไปถึงตอนที่จะตาย ไม่ใช่ว่าตอนจะตาย ไปนึกถึงลูก นึกถึงทรัพย์สมบัติ นึกถึงความผิดพลาดที่เคยทำกับพ่อแม่ แบบนั้นก็คงจะไปไม่ดี แต่ถ้าจิตนี้ผ่องใส มีสติ ยิ่งสวดมนต์อยู่บ่อย ๆ ถึงเวลาตอนนั้นก็อาจจะนึกถึงบทสวดมนต์ กำกับจิตให้สงบได้ ก็แน่นอนว่าไปดีแน่ แม้ว่าจะไปแบบกะทันหันแบบนี้ก็ตาม 


25680412pm--ปรับจิตให้พอดี
#1201
05/31/2025

12 เม.ย. 68 - ปรับจิตให้พอดี : หน้าที่ของครูบาอาจารย์ คือทำให้อยู่พอดี ๆ ซึ่งตรงนี้คือเหตุผลว่าทำไมคนเราควรจะมีอาจารย์ อาจารย์ที่จะช่วยตบให้เราไม่เหวี่ยงไปทางใดทางหนึ่ง ซึ่งอันนี้มันมีแต่อาจารย์ที่เป็นมนุษย์ที่จะทำได้นะ ทุกวันนี้เราพูดถึง AI นะ AI สอนธรรมะนี่ตอนนี้มีเยอะแยะ แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่ AI ทำไม่ได้ ก็คือไม่รู้ว่าคนใช้เขามีจริตนิสัยอย่างไร เขาเอียงไปทางไหน แล้วจะแนะนำเขาให้กลับมาอยู่ในความพอดี หรืออยู่ในทางสายกลางได้อย่างไร

AI ทำไม่ได้นะ AI ได้แต่ตอบได้ว่าอนัตตาคืออะไร สติคืออะไร สัมปชัญญะคืออะไร แต่เวลาจะแนะนำการปฏิบัติให้มันถูกกับจริตนิสัย AI คงยังทำไม่ได้อีกนาน แล้วอาจจะทำไม่ได้เลย เพราะไม่รู้ว่าคนใช้เขามีจริตนิสัยอย่างไร เขามีความสุดโต่ง ความเอียงไปทางไหน เพราะฉะนั้นจะแนะนำให้เขาอยู่ในความพอดีนี่มันยาก   แต่คนนี้ทำได้ โดยเฉพาะถ้าคนที่เป็นระดับครูบาอาจารย์ เขาก็จะสามารถทำในสิ่งที่มันไม่มีอยู่ในตำราก็ได้ แต่อาศัยความสามารถเฉพาะตัว เรียกว่าทำไม่อยู่ในแบบแผน ครูบาอาจารย์บางท่านนี่สอนลูกศิษย์ด้วยการถีบเลยนะ ไม่ใช่เฉพาะเซนอย่างเดียวนะ หลวงพ่อชาท่านก็ถีบเหมือนกัน AI ไม่ทำ AI ทำไม่เป็น เพราะคิดว่าหรือเพราะถูกสอนมาว่าการถีบนี่ไม่ดี แต่ว่าลูกศิษย์บางทีก็ถูกอาจารย์ถีบ แล้วก็บรรลุธรรมก็มี 


25680411pm--พื้นที่ปลอดภัยอยู่ที่ใจเรา
#1200
05/30/2025

11 เม.ย. 68 - พื้นที่ปลอดภัยอยู่ที่ใจเรา : ถ้ามีความสุขเป็นตัวรองรับ มันก็ช่วยหนุนสติและปัญญาที่ทำให้รักษากายรักษาใจของเราให้ปลอดภัยได้ ใจเราจะไม่มีความปลอดภัยเลยถ้าขาดสติ ขาดปัญญา เป็นตัวเป็นเครื่องรักษา อยู่ที่ไหนก็ไม่ปลอดภัยแม้แต่อยู่ในบ้าน แม้แต่อยู่ในห้องนอนก็ไม่ปลอดภัย อันนี้ไม่ใช่เฉพาะเด็กอย่างเดียว ผู้ใหญ่ก็เหมือนกัน

แต่สิ่งที่จะช่วยให้ชีวิตเราปลอดภัยก็คือ ใจที่มีสติ ใจที่มีปัญญา พื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุดก็คือ จิตที่มีสติ มีความรู้สึกตัวครอบครองใจ ตราบใดที่ถ้าใจยังไม่มีสติ ไม่มีความรู้สึกตัว เพราะขาดปัญญาหรือสติเป็นตัวกำกับแล้ว อยู่ที่ไหนก็ไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะในยุคนี้ สื่ออินเตอร์เน็ตแพร่ไปทั่ว   และไม่ใช่เฉพาะสื่ออินเตอร์เน็ตอย่างเดียว สิ่งแวดล้อมด้วย พวกมิจฉาชีพเดี๋ยวนี้มันก็อยู่กระจายไปทั่ว ฉะนั้นจะว่าไปแล้วถ้าเราต้องการชีวิตที่ผาสุก มันต้องมีพื้นที่ที่ปลอดภัยในใจของเรา ทำบ้านให้เป็นที่ปลอดภัยก็ได้ แต่ว่ามันก็ยังไม่ปลอดภัยอย่างแท้จริงจนกว่าใจเรานี้จะมีสติ มีปัญญา และมีความสุขที่ประณีตเป็นเครื่องหล่อเลี้ยง   ถ้าไม่มีตรงนี้ก็ยังเรียกว่าชีวิตยังอยู่ในความเสี่ยง แม้จะเรียนจบหลายปริญญา แม้จะมีความรู้เยอะแต่ก็เอาตัวไม่รอด ที่เขาเรียกว่าความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด เพราะมันขาดสิ่งหนึ่งคือขาดความรู้สึกตัว แล้วความรู้สึกตัวจะมีได้เพราะมีสติและปัญญาเป็นเครื่องกำกับ   เพราะฉะนั้นในยุคนี้การที่มีธรรมะโดยเฉพาะสติและปัญญา เรียกว่าเป็นหลักประกันเลยที่จะทำให้ชีวิตนี้มีความผาสุก ไม่ใช่ไม่มีอุปสรรค มี แต่ว่าก็สามารถจะผ่านมันได้ ไม่ใช่ว่าไม่เจ็บไม่ป่วย ยังต้องเจ็บต้องป่วย แต่ว่ามันก็ป่วยแต่กาย ใจไม่ป่วย ไม่ได้คับแค้นใจ 


25680410pm--ไม่รักษาใจก็ไม่รักตัวเอง
#1199
05/29/2025

10 เม.ย. 68 - ไม่รักษาใจก็ไม่รักตัวเอง : ถ้าขอโทษมันก็สบายใจ แต่พอไม่ขอโทษ ความขัดแย้งมันก็เลยยืดเยื้อเรื้อรัง ฉะนั้นถ้าหากว่าพวกเราไม่อยากโง่เพราะความโกรธ ก็ต้องพยายามดูแลใจให้มีอัตตาน้อยๆ เหมือนกับพ่อค้าแผงขายหนังสือ คนมาดูหนังสือแต่ไม่ซื้อเลยสักเล่ม ก็ไม่โกรธ เพราะไม่ได้ยึดมั่นว่าตัวกูของกู แถมเวลาเขาลำบากก็ช่วยเขา ตัวเขาเปียกปอน ก็ยื่นถุงพลาสติกให้

นี่คือวิธีการสร้างมิตร ถ้าเราโกรธ เราก็มีแต่จะเสียมิตร เสียเพื่อน แล้วก็ทำร้ายตัวเอง แต่ถ้าเราไม่โกรธ เราจึงจะเรียกว่ารักตัวเองอย่างแท้จริง.พวกเรานี่ต้องรักตัวเองให้เป็น เพราะถ้าเรารักไม่เป็น เราจะทำร้ายตัวเอง ด้วยความโกรธ ด้วยความกลัว เพราะจิตที่ไม่มีการดูแลรักษาให้ดี แต่ถ้าจิตเรามีการรักษา มีการดูแล ความโกรธไม่ครอบงำ ความกลัวไม่มารังควาน เราก็จะรักตัวเองได้อย่างแท้จริง 


25680409pm--เติมแสงสว่างให้แก่จิตใจ
#1198
05/28/2025

9 เม.ย. 68 - เติมแสงสว่างให้แก่จิตใจ : บางคนขี้โกรธมาก บางคนขี้กลัวมาก พวกนี้อาจจะเป็นเพราะว่าอิทธิพลของจิตไร้สำนึกที่คอยมาปั่นป่วนในจิตใจ หน้าที่ของเราก็คือ ตรวจสอบว่ามันมีอะไรหมักหมมหรือว่าซุกซ่อนอยู่ในจิตไร้สำนึกไหม เราก็ต้องเริ่มต้นจากการที่เรามีสติ รับรู้ความคิดและอารมณ์ต่างๆ ในยามปกติ รู้แล้ววาง รู้แล้ววาง ทำอะไรด้วยความรู้เนื้อรู้ตัว มันก็จะช่วยทำให้การหมักหมม สะสมสิ่งที่เป็นขยะลงไปในจิตไร้สำนึกน้อยลง

พอทำให้มันน้อยลงแล้ว ต่อไปก็เข้าไปสอดส่องดูว่า มันมีอะไรซุกซ่อนอยู่หรือเปล่า แล้วก็จัดการเผชิญหน้ากับมัน มีความโกรธซ่อนอยู่ ก็เผชิญหน้ากับมัน ยอมรับมัน มีความเกลียดซ่อนอยู่ ก็เผชิญหน้ากับมัน มีความรู้สึกผิดซุกซ่อนอยู่ ก็เอามันขึ้นมา เผชิญหน้ากับมัน มีความระแวง มีความกลัวซ่อนอยู่ ก็ยอมรับมัน เผชิญหน้ากับมัน อันนี้ก็เปรียบเหมือนการเพิ่มแสงสว่าง หรือเอาแสงสว่างสาดส่องลงไป ไม่ใช่แค่ในจิตสำนึกอย่างเดียว แต่ลงไปถึงจิตไร้สำนึกด้วย มันก็ทำให้ชีวิตเราถูกอารมณ์ที่ซุกซ่อนอยู่ สร้างความปั่นป่วน รบกวนจิตใจเราน้อยลง ก็จะอยู่เป็นปกติสุขได้มากขึ้น 


25680407pm--ทำครบทั้งทำกิจและทำจิต
#1197
05/27/2025

7 เม.ย. 68 - ทำครบทั้งทำกิจและทำจิต : อาจารย์พุทธทาสเคยพูดอยู่เสมอว่า ชีวิตที่ดีคือชีวิตที่สงบเย็นและเป็นประโยชน์ อันนี้เป็นคำพูดที่เรียกว่าครอบคลุมทั้งการทำจิตและทำกิจ เพราะว่าสำหรับชาวพุทธ การทำจิตสุดท้ายคือเพื่อความสงบเย็น สงบเย็นคือสงบที่ใจโดยที่ไม่พึ่งอิงสิ่งแวดล้อม แม้จะอึกทึก พลุกพล่าน จอแจ เสียงดังอย่างไร คนจะไม่น่ารัก ทำตัวน่าระอา แต่ใจก็เป็นปกติ สงบเย็นได้ แม้กระทั่งมีสิ่งล่อเร้าเย้ายวนก็ไม่หวั่นไหว ใจไม่กระเพื่อม นี่คือสงบเย็น

แต่ว่าสงบเย็นอย่างเดียวไม่พอ ต้องเป็นประโยชน์ด้วย เป็นประโยชน์คือการทำกิจ ทำกิจเพื่อช่วยเหลือส่วนรวม ไม่ใช่เก็บตัวอยู่แต่ในป่า หรืออยู่ในวัด มุ่งมั่นให้จิตสงบเย็น แต่ว่าไม่คิดจะไปทำประโยชน์ให้กับส่วนรวม ไฟไหม้ก็ไม่สนใจถือว่าป่าไม่ใช่ของเรา ใครจะมาขโมยสมุนไพรในวัดก็ไม่กระตือรือร้นที่จะจัดการไล่ออกไป เพราะคิดว่าไม่ใช่ของเรา   อันนี้เรียกว่าทำจิตแต่ไม่ทำกิจ แล้วที่จริงก็ทำจิตไม่ถูกต้องด้วย เพราะว่าการทำจิต อย่างน้อยต้องมีความกตัญญูรู้คุณ หรือต้องมีความเมตตา กตัญญูรู้คุณต่อสิ่งแวดล้อม มีความเมตตาต่อสรรพสัตว์ ฉะนั้นมีใครมาทำลายป่า ถ้าเรามีเมตตาจริง เราก็จะไม่อยู่เฉย จะเข้าไปขับไล่ไม่ให้มาทำลายป่า ไม่ให้มาทำลายสัตว์ เราจะมีความกตัญญูต่อธรรมชาติ แล้วเราก็จะช่วยกันรักษาธรรมชาติให้ดี ความกตัญญูรู้คุณ ความเมตตาก็เป็นเรื่องการทำจิต ไม่ใช่แค่ปล่อยวางอย่างเดียว   แล้วคนไทยก็ไม่เข้าใจ ชาวพุทธก็ไม่เข้าใจ ไปเข้าใจว่าการปล่อยวางคือการวางเฉย ไม่ทำอะไร การวางเฉยไม่ทำอะไรนี่เป็นเรื่องการไม่ทำกิจ ซึ่งไม่ถูกต้อง การปล่อยวางถ้าเป็นการปล่อยวางที่ใจคือการทำจิตถูกต้องแล้ว แต่ว่าปล่อยวางแล้ว ไม่ใช่ว่านิ่งเฉย ปล่อยวางอย่างรับผิดชอบ คือสิ่งที่ครอบคลุมทั้งการทำจิตและการทำกิจ ถ้าปล่อยวางแบบวางเฉย ไม่รับผิดชอบ อันนี้เรียกว่าทำจิตก็ผิด แล้วก็ละเลยเพิกเฉยไม่ทำกิจด้วย มันก็ไม่ได้เป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักพุทธศาสนา ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจ 


25680406pm--วิถีโลกกีดขวางเส้นทางธรรม
#1196
05/26/2025

6 เม.ย. 68 - วิถีโลกกีดขวางเส้นทางธรรม : เวลาใจทุกข์ก็คิดแต่จะไปจัดการกับสิ่งที่อยู่นอกตัว เสียงดัง หรือว่าการกระทําคําพูดที่ไม่ถูกใจของใครบางคน คิดแต่จะไปจัดการกับสิ่งเหล่านั้น อันนี้เป็นวิธีการทางโลก วิธีการทางโลกมันเน้นการจัดการกับคน จัดการกับสถานที่ จัดการกับสิ่งแวดล้อม

แต่ในทางธรรม มุ่งจัดการกับใจของตัว หลายคนแม้จะมาปฏิบัติธรรมแล้ว แต่เนื่องจากต้องการความสงบ แต่ว่ายังติดวิธีการทางโลกอยู่ ก็ไปจัดการกับสิ่งภายนอก จัดการให้สิ่งแวดล้อมไม่มีเสียงรบกวน จัดการกับผู้คนให้ทําตัวเรียบร้อย การกระทําคําพูดไม่ก่อปัญหา   แต่ที่จริงแล้วนั่นไม่ใช่วิธีการทางธรรม ทางธรรมคือมาจัดการที่ใจของเรา มาดูว่าใจเรามันมีอุปาทาน มีความยึดติดหรือเปล่า แต่ถ้าหากว่ายังมีความอยากได้ อยากได้ความสงบ มันก็อดไม่ได้ที่จะไปจัดการกับสิ่งภายนอก แต่ถ้าเรามุ่งลดละความยึดติดในใจ ยอมรับสิ่งต่างๆ อย่างที่มันเป็น เสียงดังก็ไม่ได้ทําให้ใจทุกข์ หรือว่าใครจะทําอะไร ก็สามารถจะวางใจไม่ทุกข์เพราะสิ่งเหล่านั้นได้   นี่คือจุดมุ่งหมายของการปฏิบัติธรรม การใช้ชีวิตทางธรรมมันต้องมาถึงจุดนี้ เพราะไม่อย่างนั้นถึงแม้ว่าภายนอกดูเหมือนกับยังปฏิบัติธรรม แต่ว่าข้างในก็ยังใช้วิธีการเดียวกับวิธีทางโลก มันก็เลยสวนทางกัน แล้วสุดท้ายก็ไม่สามารถจะพบกับความสงบอย่างแท้จริง เพราะว่าไม่สามารถทำให้เกิดการลดการละขึ้นได้ 


25680405pm--อย่าหลงสุขวันนี้จนละทิ้งสุขวันหน้า
#1195
05/25/2025

5 เม.ย. 68 - อย่าหลงสุขวันนี้จนละทิ้งสุขวันหน้า : ถ้าเราสามารถทำให้การอดทนอดกลั้นต่อความสุขชั่วคราว ความสุขเฉพาะหน้า มันไม่ใช่ความอดทน กล้ำกลืนฝืนทนอีกต่อไป แต่มันคือความสุข ถึงตอนนั้นมันก็ทำไปได้เอง ไม่ใช่ว่ายอมลำบากวันนี้เพื่อสบายวันหน้า ใหม่ๆ จะรู้สึกแบบนั้น ต้องยอมลำบากวันนี้ เพื่อสบายวันหน้า

แต่ต่อไป มันไม่ใช่ลำบากวันนี้แล้ว เพราะว่าสิ่งที่ทำในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารสุขภาพ การออกกำลังกาย การเรียนหนังสือ การค้นคว้าหาความรู้ การใช้เงินอย่างอดออม หรือการปฏิบัติธรรม ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง เป็นความสุขแบบเรียบๆ ซึ่งมันช่วยหล่อเลี้ยงใจให้สามารถทำสิ่งเหล่านั้นไปได้เรื่อยๆ อย่างมีความหมาย   ในทางตรงข้าม คนที่มีความสุขจากการกิน จากการจับจ่ายใช้สอย เพราะมือเติบ ไปถอยบัตรเครดิตมาหลายใบ หรือว่าเล่นเกม สุดท้ายไม่มีความสุข เพราะว่ามันสุขเท่าไหร่ก็ไม่พอสักที จ่ายเท่าไหร่ก็ไม่พอสักที แล้วก็มีความเครียดเหมือนคนจำนวนไม่น้อย แม้ว่าจะได้สิ่งปรนเปรอตามใจอยาก สุดท้ายก็ไม่มีความสุขเพราะเบื่อง่าย ความสุขจางคลายเร็ว แล้วก็ต้องดิ้นรนอยู่อย่างนั้น ต้องกลับไปหาความสุขที่มันแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้วทำให้ชีวิตตกต่ำย่ำแย่   ฉะนั้น พวกเราต้องพยายามใช้เหตุผล หรือว่าปัญญา ในการเลือก อะไรที่มันเป็นความสุขเฉพาะหน้า แต่ว่าทุกข์ในวันหลัง เราต้องฉลาดพอที่จะอดกลั้นที่จะไม่หลงใหลเพลิดเพลินไปกับสิ่งนั้น เพื่อที่เราจะได้มีความสุขในวันหน้า แล้วต่อไป ถ้าเรามีสติมีปัญญา สิ่งที่เราอดกลั้น มันก็ไม่ใช่เป็นความลำบากอีกต่อไป มันก็จะกลายเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่หล่อเลี้ยงใจ 


25680404pm--ทุกข์เพราะหลงสิ่งที่ไม่จริง
#1194
05/24/2025

4 เม.ย. 68 - ทุกข์เพราะหลงสิ่งที่ไม่จริง : ถ้าเรารู้ว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นในใจมันเกิดจากการปรุงแต่ง เกิดจากการสร้างภาพ เกิดจากมายา สติช่วยทำให้เห็นว่าอันนี้มันเป็นของไม่จริง แม้กระทั่งตัวกู กูเดิน กูโกรธ กูโมโห กูเศร้า กูเกลียด พวกนี้ล้วนแต่ไม่จริง เพราะมันไม่มีตัวกูตั้งแต่แรก แต่ไปสร้างขึ้นมา การปฏิบัติธรรม คือการที่พาให้เรามาอยู่กับความจริง แล้วก็ยอมรับความจริง ความจริงที่ว่านอกจากหมายถึงการไม่มีกู ไม่มีของกูแล้ว ยังรวมถึงว่าทุกอย่างมันก็ไม่เที่ยง มันก็เป็นทุกข์ แต่พอเราไปยึดมั่นสำคัญหมายว่ามันเที่ยง ยึดมั่นสำคัญหมายว่าเป็นสุข ร่างกายนี้เราหมายมั่นคาดหวังว่าให้มันให้ความสุขกับเรา เราก็ยิ่งหลงยึดมันเข้าไปใหญ่ อันนี้ก็เรียกว่ายึดเพราะความไม่รู้ ไม่เข้าใจความจริง

แต่ถ้าเราเข้าใจความจริง มันก็ปล่อย มันก็วาง มันก็ไม่ปรุง มันหยุดปรุง แล้วมันก็หยุดยึดหยุดถือ ตรงนั้นแหละที่ทำให้จิตอิสระ พอจิตไม่ยึด ไม่ถือ ไม่หลง มันก็เกิดความอิสระ เกิดความปกติสุขขึ้นมา เพราะฉะนั้นให้กลับมาอยู่กับความจริง ให้กลับมาเรียนรู้ความจริง แล้วก็มารู้เท่าทันความไม่จริง หรือสิ่งที่ปรุงแต่งขึ้นมาในใจเรา ให้รู้ละเอียด รู้อย่างรวดเร็วฉับไว เพื่อไม่ให้ความหลงมันครอบงำใจ 


25680403pm--สุขเพราะปรุง ทุกข์เพราะแต่ง
#1193
05/23/2025

3 เม.ย. 68 - สุขเพราะปรุง ทุกข์เพราะแต่ง : การปฏิบัติธรรม เราต้องมองให้เห็นถึงตัวปรุงแต่งที่มันเกิดขึ้น ไม่ว่าบวกหรือลบ เห็นถึงการให้คะแนนว่าให้คะแนนยอด ให้คะแนนเยี่ยม หรือให้คะแนนแย่ ใจเรามันมีการปรุงแต่งอย่างนี้อยู่เสมอ ซึ่งก็เป็นตัวการที่ทำให้สุขหรือทุกข์ ถ้าสุขก็เพราะปรุงแต่งในทางบวก

ก็เหมือนกับหมาที่มันแทะกระดูกแล้วมันอร่อย ก็เพราะว่ารสชาติของน้ำลายจากปากของมัน ไม่ใช่เป็นเพราะรสชาติของกระดูก สิ่งที่เสพไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึกของเราที่มีต่อสิ่งนั้น ไม่สำคัญเท่ากับการปรุงแต่งที่มีต่อสิ่งนั้น อาหารที่อร่อยไม่ได้อยู่ที่เครื่องปรุงมากเท่ากับการปรุงแต่งในใจเรา   แล้วมองให้เห็น มองให้เห็น มันก็จะรู้ว่าทุกข์ก็เหมือนกัน ทุกข์มันก็เกิดเพราะการปรุงแต่ง ในใจเรา ไม่ใช่เป็นเพราะว่าสิ่งที่ประสบ สิ่งที่เสพ สิ่งที่เจอ อันนั้นยังไม่สำคัญเท่ากับการปรุงแต่งในใจเรา เป็นเพราะปรุงแต่งในทางลบ ให้ค่าในทางลบ หรือว่าเป็นเพราะว่ามันไม่ตรงกับความคาดหวัง นี้ถ้ามองไปลึก ๆ มันจะพบว่ามันมีปรุงแต่งอีกตัวหนึ่งซึ่งก็เป็นเรื่องใหญ่ ก็คือการปรุงแต่งตัวกูขึ้นมา เป็นผู้สุข ผู้ทุกข์ เป็นผู้เสพ ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง 


25680402pm--กับดักของผู้ใฝ่ธรรม
#1192
05/22/2025

2 เม.ย. 68 - กับดักของผู้ใฝ่ธรรม : ติดดีหรือคาดหวังให้คนอื่นดีเหมือนตัวก็ดี หรือคาดหวังให้ตัวเองดีตามมาตรฐาน ลึกๆ ก็เป็นเรื่องของตัวกูทั้งนั้นแหละ ซึ่งมีกิเลสคือมานะอยู่เบื้องหลัง มานะก็คือความถือตัวถือตน ไม่ได้แปลว่าความเพียรพยายาม เดี๋ยวนี้เรามักจะแปลคำว่ามานะคือความพยายาม แต่ความจริงมานะเป็นกิเลสตัวหนึ่ง สําคัญมาก ความยึดติดในตัวกูของกู อยากให้ใครๆ ดีเหมือนกู หรืออยากให้กูเป็นที่เชิดหน้าชูตา โดดเด่น อยู่ในสายตาของคนอื่น หรือทําให้ตัวกูเป็นที่ยอมรับในสายตาของคนอื่น หรือว่าให้ใครๆ ดีในแบบของกู

พวกนี้ก็ล้วนแต่เป็นกับดักของนักปฏิบัติธรรม แม้ว่าจะขยันให้ทาน ขยันทําบุญ หรือว่ารักษาศีล หรือแม้แต่เจริญภาวนา แต่ถ้ามองไม่ทะลุ ไม่เห็นถึงการชักใยของตัวกูหรือมานะ ก็ทําให้ความติดดียากที่จะหายไปได้ มีแต่จะหนาแน่น แล้วก็คาดหวังต่างๆ คาดหวังผู้อื่น คาดหวังตัวเอง โดยที่ไม่ยอมรับความจริงอย่างที่มันเป็น สุดท้ายก็ทําให้เกิดความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับผู้อื่น และความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับตัวเอง ไม่ซื่อตรงต่อตัวเอง ไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง   สุดท้ายก็กลายเป็นคนที่หลอกตัวเอง พอหลอกตัวเองได้ก็หลอกคนอื่น กลายเป็นว่าแทนที่จะมั่นคงอยู่ในความดี กลับกลายเป็นไม่ดีไปเพราะว่าต้องคอยสร้างภาพอยู่เสมอ สร้างภาพให้คนอื่นเห็น หรือหนักกว่านั้นคือสร้างภาพให้ตัวเองยอมรับและหลงเชื่อ เรียกว่า ยิ่งติดดีก็ยิ่งคลาดเคลื่อนจากความดีมากเข้าไปใหญ่ เพราะฉะนั้นต้องระวัง ต้องรู้เท่าทันกับดักนี้ให้ได้ 


25680401pm--แผ่นดินไหวคือสัญญาณเตือนภัย
#1191
05/21/2025

1 เม.ย. 68 - แผ่นดินไหวคือสัญญาณเตือนภัย : เหตุการณ์ครั้งนี้ก็เกิดขึ้นกับคนพม่า ไม่ใช่เรา หรือคนไทยส่วนใหญ่ แต่ใครจะไปรู้ วันหน้าอาจจะเกิดขึ้นกับเรา อาจจะไม่ใช่กับคนไทยส่วนใหญ่ก็ได้ แต่อาจจะเกิดขึ้นกับเราคนเดียวก็ได้ หรือว่าคนที่เรารัก ฉะนั้น ต้องมองว่านี่คือสัญญาณเตือนภัย เป็นเทวทูตอย่างหนึ่ง ก็ต้องเตรียม ทั้งเตรียมตัวและเตรียมใจ เตรียมตัว เตรียมการ รับมือกับน้ำท่วม ไฟไหม้ แผ่นดินไหว หรือว่าแก๊สระเบิด รถตกคู อันนี้ก็ต้องศึกษาเอาไว้ ว่าจะป้องกันอย่างไร และจะรับมืออย่างไร เพื่อไม่ให้สูญเสียชีวิต หรือสูญเสียทรัพย์สมบัติ เมื่อเกิดเหตุการณ์นั้น

แต่เมื่อถึงคราวที่จะต้องตายจริงๆ ก็ต้องทำใจได้เหมือนกัน เพราะว่าเรื่องแบบนี้มันไม่อยู่ในอำนาจของเรา มันเป็นสิ่งที่ต้องเตรียม ทั้งเตรียมตัวและเตรียมใจเสมอ และนี่คือสิ่งที่เราควรจะได้เรียนรู้จากเหตุการณ์นี้ด้วย​ ไม่ใช่แค่การเข้มงวดกับการสร้างตึก สร้างอาคาร หรือว่าการมีกฎระเบียบที่มันเข้มงวด แล้วก็ปลอดภัย รวมถึงการปรับปรุงระบบแจ้งเตือนภัย หรือการช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยเท่านั้น เราแต่ละคนก็ต้องเตรียมใจ หรือเตรียมการเพื่อรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดคิดด้วย 


25680323pm-ดีหรือร้ายอยู่ที่ใจเรา
#1190
05/20/2025

23 มี.ค. 68 - ดีหรือร้ายอยู่ที่ใจเรา : ถ้าเราจะมองเหตุการณ์ ก็ขอให้มองอย่างคนที่สอง เวลาเจออุปสรรค เวลาเจอปัญหาแทนที่จะบ่นว่าโชคไม่ดี ๆ ให้มองว่า โอ้ นี่เราโชคดี มีแบบฝึกหัดมาฝึกให้เราเข้มแข็ง ฉะนั้นเวลาเจอคนเขานินทาต่อว่าเรา ถ้ามองไม่เป็นก็ทุกข์ที่เขาว่าเรา แต่ถ้ามองเป็นเรียกว่ามองบวกก็จะเห็นว่า เออ เรารู้ว่าเราจะต้องแก้ไขอะไร ถือว่าได้ประโยชน์ ถือว่าได้คำแนะนำ มันอยู่ที่การมอง

เด็กสองคนยืนอยู่ใกล้ ๆ กันตอนเช้า ยืนอยู่ข้าง ๆ ใกล้ ๆ กัน คนหนึ่งนี่สดชื่นแจ่มใส อีกคนหนึ่งหม่นหมอง แปลกนะอยู่ใกล้กันมองไปข้างหน้าเหมือนกัน แต่ทำไมความรู้สึกไม่เหมือนกัน ถามคนแรกว่าทำไมสดชื่น แจ่มใส เขาบอกว่าเห็นท้องฟ้าสวยงาม แสงเงินแสงทองแต่งแต้มท้องฟ้าสวยงาม เห็นแล้วสบายใจ ถามคนที่สองทำไมห่อเหี่ยว เขาบอกว่าเห็นถนน มันเป็นหลุมเป็นบ่อ เฉอะแฉะ มีขยะอยู่ข้างทางเต็มไปหมดเลย   คนหนึ่งเห็นท้องฟ้าอยู่ข้างหน้า แต่คนหนึ่งเห็นถนนที่เฉอะแฉะ ถ้าเราเห็นท้องฟ้าเราก็สดชื่น เบิกบาน แต่ถ้าเราเห็นถนนเฉอะแฉะเราก็จิตใจหม่นหมอง เราเลือกได้ว่าจะมองฟ้าหรือมองถนน เหมือนกับเด็กผู้ชายก็เห็นว่าโชคร้ายที่น้ำปลาหายไปครึ่งหนึ่ง แต่น้องสาวบอกโชคดีที่คว้าได้ทัน มีน้ำปลาเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง   เวลาเจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่เรื่อย ๆ แต่เราจะสุขหรือจะทุกข์อยู่ที่มุมมองของเรา เรียกว่ามองลบหรือมองบวก บางทีเราเข้าแถวตักอาหาร เราไม่ได้ไก่ทอด ข้างหน้าเขาตักไก่ทอดไปก่อนแล้ว เป็นไก่ทอดชิ้นสุดท้ายด้วย เสียใจอดกินไก่ทอด แต่คนหนึ่งเขาบอกว่า เออ มีหมูย่าง ถึงไม่มีไก่ทอดแต่ว่ามีหมูย่าง จะเสียใจไปทำไม   คนหนึ่งคิดแต่ว่า ฉันไม่ได้ไก่ทอด ๆ เพราะว่าคนข้างหน้าเขาตักไปแล้ว แต่อีกคนหนึ่งบอกว่า ฉันมีหมูย่าง ไม่สนใจถึงแม้จะไม่มีไก่ทอดแต่มีหมูย่าง คนแรกก็จะทุกข์ เสียใจโกรธเพื่อนว่า ทำไมตักเอาไก่ทอดไป แต่คนที่สองเขาไม่ทุกข์เลยเพราะว่าเขาเห็นหมูย่าง อยู่ที่มุมมอง ถ้ามองไม่เป็นก็ทุกข์ แต่ถ้ามองเป็นก็ยิ้มได้สบายมาก อยู่ที่ใจ